วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติเมาส์ออแกน

          


         เมาท์ออร์แกนเป็นเครื่องดนตรีของชาวสก๊อตแลนด์ในปีค.ศ.1763 (ประมาณพ.ศ.2306) พัฒนาจากเครื่องเป่าของชนเผ่าอีทรีสกันในโรมันเมื่อก่อนคริสตกาล 742ปี ต่อมานักดนตรีชาวฝรั่งเศสชื่อ ชาลส์ โรลบินส์ได้พัฒนาจากเครื่องเป่าที่หนักมากกว่า2.7 กิโลกรัม ลดลงเหลือ1.3 กิโลกรัม และเสียงไพเราะกว่าเดิมจึงนำไปขายโดยให้ชื่อว่า "ชาล โรลออร์แกนิส" แต่กลับขายไม่ได้เพียงเครื่องเดียว ทำให้เครื่องดนตรีชิ้นนี้ถูกลบเลือนในประวัติศาสตร์ในชั่วกาล แต่ต่อมานักดนตรีในเยาว์ชาวฟินแลนด์ชื่อ "โธมัส เมาท์เลทุส" เขามีอายุเพียง 16 ปีได้ซื้อเครื่องดนตรีชนิดนี้กลับพบว่า ไพเราะมากเพียงแค่หนักเกินไป จึงสร้างขึ้นมาใหม่ จึงมีขนาดกะทัดรัด เบาบาง และไพเราะ จึงตัดสินใจนำไปขายปรากฏว่าขายดีมากเป็นพิเศษ จึงได้ให้ชื่อว่า"เมาท์ออร์แกน" เพราะพกพาได้ เครื่องดนตรีชิ้นนี้จึงแพร่ขยายไปทั่วโลกนั่นเอง 










      



          Harmonica หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าเมาท์ออร์แกน ถูกคิดค้นโดย Buschmann Christian ในปี 1821 ในขณะที่เขามีวัยเพียง 16ปี ตอนแรกเขาเรียกเครื่องดนตรีใหม่นี้ว่า "Aura" หรือ "Mundaeoline"Handharmonika


       Buschmann อธิบายให้พี่ชายของเขาฟังว่า"เครื่องดนตรีชนิดใหม่ที่มีโดดเด่นอย่างแท้จริง. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงสี่นิ้ว แต่ให้โน๊ตได้ถึง 21 ตัวโน๊ต


      หลังจากนั้นก็ถูกลอกเลียนแบบ และดัดแปลงไปอย่างแพร่หลายที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนจำนวนมาก จนกระทั่งถึงปี 1826 ช่างทำเครื่องดนตรี ชาวโบฮีเมียนที่มีชื่อริกเตอร์ ได้ทำพัฒนาให้มีจำนวนรู 10 และ 20 รู แยกกันระหว่างช่องดูดแลเป่า 





       ในปี 1857, ประวัติศาสตร์ของHamonicaได้เปลี่ยนไปอีครั้งโดยช่างทำนาฬิกาชื่อ Matthias Hohner ได้หันไปผลิต Harmonica เต็มเวลาโดยความช่วยเหลือจากครอบครัวและคนงานของเขา











แนะนำฮาร์โมนิก้า 3 ประเภท







                      3 ประเภทฮาร์โมนิก้า ที่นิยมเล่น และควรฝึกเรียงตามลำดับ ดังนี้ 





1. Tremolo Harmonica ลักษณะเด่น จะมีช่องเป่า ช่องดูด คนละช่องกันสลับกันไป จะมีจำนวนเสียงเท่ากับจำนวนช่อง ที่พบเห็นจะมีขนาดตั้งแต่ 16, 20, 21, 24, 28 ,32 ช่องเสียง




2. Chromatic Harmonica ลักษณะเด่นสามารถเล่นโน้ตครึ่งเสียง แฟล็ต ชาร์ปได้ ที่นิยมจะมีที่กดด้านข้าง ทุกครั้งที่กดจะทำให้เสียงสูงขึ้นอีกครึ่งเสียง ในช่องเดียวกันสามารถทั้งเป่า และดูดได้ ถ้ารวมเสียงที่เกิดในช่องเดียวกันจะมีถึง 4 เสียง (โน้ตปกติ 2 เสียง โน้ตแฟล็ต+ชาร์ป อีก 2 เสียง) แต่ข้อดีเล่นเพลงทุกเพลงในโลกได้ ไม่ต้องซื้อฮาร์โมนิก้า หลาย ๆตัว




3. Diatonic 10 Holds ลักษณะเด่นมีเพียง 10 ช่อง แต่มี 20 เสียงเพราะในช่องเดียวกันทั้งเป่าและดูด แต่สามารถเป่าเพี้ยนเสียง Bend ได้อีกตามความสามารถของผู้เล่น นิยมเล่นเพลงสไตล์แจ๊สบูลส์ สำหรับ Ensemble Harmonica เป็นวงดนตรีกลุ่มเครื่องดนตรีฮาร์โมนิก้า ที่มี 3 เครื่องหลักคือ Chromatic , Chords , Double Bass



แนะนำโน้ตบน Harmonica




ก่อนที่จะเล่นเจ้า Harmonica กันได้ ก็ต้องรู้จักโน้ตกันต่อ ว่ามันจะเล่นโน้ตกันได้อย่างไร
harmonica ส่วนใหญ่จะเล่นโดยใช้ทั้งการ เป่่า และ ดูด ผิดกับเครื่องดนตรีอื่น ที่จะเป่าอย่างเดียว
โน้ตปกติที่เราคุ้นเคยกันก็คือ
โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
หรือบางคนก็เรียกเป็น
C D E F G A B
ซึ่ง C=โด D=เร E=มี F=ฟา G=ซอล A=ลา B=ที
มาตรฐานจึงให้เล่นโน้ต เป่า สลับกับ ดูด
ก็เลยให้ โด มี ซอล เล่นโดยการเป่า
ส่วน เร ฟา ลา เล่นโดยการดูด
คราวนี้ก็เหลือ ที ชึ่งก็ให้เล่นโดยการดูดเหมือนกัน โด รอบใหม่จะได้เริ่มเป่าใหม่
มาเริ่มจาก tremolo harmonica กันก่อน


ช่วงกลาง (middle octave) ก็จะเรียงกันสวยงาม
C d E f G a C b
(ตัวใหญ่=เป่า ตัวเล็ก=ดูด)
จะมีสลับก็แค่ ที-โด
แต่ต้องระวังในช่วงเสียงต่ำ-สูง มันก็จะเยื้องกันเล็กน้อย ตามภาพ เพราะมันดูดมากกว่าเป่านั่นเอง
ข้อดีของการเรียงโน้ตแบบนี้ก็คือ จะได้ไม่สับสนกับการเป่า-ดูด ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นว่า เล่น โด เดี๋ยวก็เป่า เดี๋ยวก็ดูด งงตายเลย
ข้อดีอีกอย่างของการสลับโน้ตก็คือ ถ้าเป่า ไม่ว่าจะตรงไหน ก็จะได้เสียง โด มี ซอล ชึ่งถ้ามีพื้นมาบ้างก็จะรู้ว่า มันคือ คอร์ด C Major ชึ่งจะตรงกับ key ของ harmonica นั่นเอง ทำให้ เล่นยังไง ก็เพี้ยนยาก
มาดูที่ diatonic harmonica กันบ้าง





ดูตรง key C แล้วกันนะ ก็จะเห็นว่า ช่อง 4-7 ก็จะเรียงเหมือนกัน Cd Ef Ga Cb ง่ายดี



แต่พอช่วงเสียงสูง ก็จะเยื้องเล็กน้อย โดนจะตัดเสียง ที ออกไป เป็น dE fG aC



ส่วนตรงเสียงต่ำ ก็จะตัด ลา ออกไป แถมเอา ซอล มาแทนฟาด้วย แบบนี้ Cd Eg Gb


แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ ก็คนคิดที่ชื่อ Richter เค้าต้องการให้เวลาดูดช่วงเสียงต่ำเป็น (เร) ซอล ที เร ซึ่งก็คือ คอร์ด G Major นั่นเอง แถมถ้าเพิ่มเสียงฟาจากช่องที่5 คราวนี้ก็จะกลายเป็น คอร์ด G7 เลย OHHHHH GODDDDD
สุดท้าย มาดูที่ chromatic harmonica







ก็เล่นง่ายๆเลย ไม่ต้องคิดมาก Cd Ef Ga Cb แล้วก็ให้ C มันซ้ำกันไปเลย จะได้เล่นง่ายขึ้น



แต่ก็จะมีปุ่มกดด้านข้าง ทำให้เสียงสูงขึ้นมาครึ่งเสียง หรือที่เรียกว่า sharp นั่นเอง